Acne set
สิว
สมุนไพรกับการรักษาสิว
หน้ามันและการเกิดสิวเป็นปัญหาที่พบบ่อย เชื่อว่าหน้ามันนั้น เป็นลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมคือ พ่อ แม่มาทั้งนั้น เพราะพันธุกรรมมีส่วนกำหนดลักษณะของต่อมไขมัน ในผิวหนังบางคนเกิดมาโชคร้าย ต้องกลายเป็นคนหน้ามัน ก็เพราะต่อมไขมันและหลั่งไขมันออกมาผิดปกตินั่นเอง ความจริงแล้วหน้ามัน เป็นสภาพธรรมชาติอย่างหนึ่ง หน้ามันกับการเป็นสิวคนละเรื่องกัน บางคนหน้ามันไม่เป็นสิวก็ได้ และโดยความจริงแล้วไขมันลั่งออกมาฉาบเคลือบผิว ไม่ได้เป็นปัญหาก่อให้เกิดสิว ไขมันที่เป็นต้นเหตุของสิว คือ ไขมันที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหน้าต่างหากตะก้อนไขมันอุดตันใต้ผิวหนังนี้ จะเป็นอาหารที่แบคทีเรียจะย่อยสลายให้เป็นกรดที่ระคายเคืองทำให้ผิวหนังอักเสบ กลายเป็น “สิว” อักเสบนั้นแหละ “ ความจริงแล้วหน้ามันเป็นสภาพธรรมชาติอย่างหนึ่ง หน้ามันกับการเป็นสิว เป็นคนละเรื่องกัน”
สิว เป็นปัญหาของผิวหนังที่พบได้บ่อย พบได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึง หลายคนคิดว่า สิวเกิดขึ้นเฉพาะในวัยรุ่นเท่านั้น หากเราไม่ดูแลรักษาแต่แรกต่อมาอาจก่อให้เกิดเป็นแผลเป็น ซึ่งรักษาไม่หาย แบ่งเป็น 4 อย่าง โดยจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน คือ
สิวเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน การอุดตันนี้อาจเกิดจากทั้งที่เซลล์ หนังมีการแบ่งตัวมากไป หรือมีการทำลาย หรือหลุดออกของเซลล์ผิวหนัง ทำให้การอุดตันที่รูขุมขนเกิดเป็นสิวขึ้น สิวที่เกิดจากกลไกนี้ส่วนใหญ่เป็นสิวขนาดเล็ก หรือเรียกว่า ไมโครมิโดน (MICROCOMIDONE) สิวที่เกิดจากการที่ต่อมไขมัน ผลิตไขมันออกมามากขึ้น ทำให้หน้ามันให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายๆ และเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยปกติ กายเรา เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นฮอร์โมนเพศจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันสร้างไขมันขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้วัยรุ่นมีรูขุมขนใหญ่และหน้ามัน หากดูแลผิวหน้าไม่ดี หน้ายังมันมากอยู่ ผิวหน้าสกปรกก็ทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดสิวขึ้นในที่สุดความมันก็เปรียบเสมือนกับเชื้อเพลิง หากรักษาหรือดูแลวิธี เมื่อถูกความร้อน ซึ่งก็เหมือนกับเชื้อโรค ก็ทำให้เพลิงไหม้หรือสิวตามมา ถึงแม้คนที่หน้ามันมาก ๆ ถ้ารู้จักการกำจัดความมัน เช่น ล้างหน้าให้ถูกวิธีทำให้ผิวสกปรกก็ไม่เกิดสิว
เกิดจากการติดเชื้อ เมื่อหน้ามัน เชื้อ PROPIONIBACTERIUM ACNE เชื้อที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจน ในการดำรงชีวิต พบได้ในรูขุมขนของคนทั่วไปเชื้อชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดสิว แต่ถ้าหากหน้ามันมาก หรือผิวหนังอยู่ในสภาวะเหมาะสมจะก่อให้เกิดการติดเชื้อที่รูขุมขน มีผลทำให้เกิดการอักเสบ และอุดตันของผิวหนังเกิดสิวขึ้นมา การอักเสบเมื่อผิวหนังมีการติดเชื้อขึ้นที่เกิดจากการย่อยสลายของเชื้อและเลือดขาวก็จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบต่อมไขมัน ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น บางรายมีการอักเสบมากเกิดเป็นหนองเมื่อหายแล้ว จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นขึ้นนอกจากนี้ สิวบางประเภทอาจเกิดจากอื่นๆ เกิดจากการได้รับยาบางอย่าง STEROIDหรือเกิดจากโรคความ ของต่อมไร้ท่อ หรือเกิดจากการล้ามากเกินไป “ แม้คนที่หน้ามันมากๆ ถ้ารู้จักการกำจัดความมัน เช่น ล้างหน้าให้ถูกวิธี ไม่ทำให้ผิวสกปรกก็ไม่เกิดสิว “
จากกลไกการเกิดสิวข้างต้น ทำให้เราทราบถึงสาเหตุของการเกิดสิวได้ ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิว มีดังนี้ คือ
1. กรรมพันธุ์ วัย อายุ จะพบมากในวัยหนุ่มสาว เนื่องจากฮอร์โมนที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน
2. เครื่องสำอางค์บางอย่าง เช่น ครีมบำรุงผิวเครื่องแต่งหน้า ซึ่งทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
3.การระคายเคือง เช่น การเสียดสี ถูไถเป็นประจำ เช่น นักไวโอลิน จะเกิดสิวบริเวณมุมระหว่างคอกับขากรรไกร ส่วนนักกีฬาจะเกิดสิวที่บริเวณหน้าผากที่คาดผ้า (HEAD BAND) กลไกเกิดสิวประเภทนี้ไม่ทราบแน่ชัดแต่มักจะเกิดในคนที่มีแนวโน้มเป็นสิวอยู่แล้ว หรือเกิดจากอักเสบที่ส่วนบนของรูขุมขน และต่อมไขมันจากการะคายเคืองของผิวหนัง หรือเกิดจากการอักเสบขึ้นหรือเหงื่อออกมาในบริเวณนั้น
4. อาหาร สาเหตุของการเกิดสิวในทรรศนะธรรมชาติบำบัด เกิดจาก 3 ปัจจัย คือ
4.1 การกินอาหารที่ไม่มีคุณค่า ได้แก่ อาหารดัดแปลงทั้งหลาย จะมีแค่คาร์โบไฮเดรตแต่ไม่มีวิตามิน ช่วยจรรดลงกระบวนการเคมีที่เผาผลาญอาหารเหล่านี้ จึงเกิดสารตกค้างในร่างกายเป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้
4.2 สารเคมี สารเคมีได้รับอนุญาติให้ใช้ในกระบวนการผลิตอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ในขณะนี้มีอยู่มากกว่า 1,500 ชนิด และยังมีอีกมากที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอาหาร และยาว่ามีพิษเป็นอันตรายหรือไม่ ในประเทศอังกฤษพบว่า คนอังกฤษกินสารเคมีเข้าไปประมาณเท่ากับยาแอสไพรินวันละ 10 เม็ด ทุกวันนี้คนล้านๆ ทั่วโลกเสพสารเคมีเข้าไปโดยไม่รู้เลยจะเกิดอะไรขึ้น “ เราเองพบบ่อยๆ ว่า คนที่ท้องผูกบ่อย ๆ ทำให้สิวขึ้น “
4.3 พิษ อาหารที่เรากินเข้าไปนอกจากมีพิษจากสารเคมีที่ปนมากับอาหารแล้วยังมีพิษจำนวนหนึ่งที่เกิดจากกระบวนการเคมีในร่างกายเราเองพบบ่อย ๆ ว่า คนที่ท้องผูก บ่อย ๆ ทำให้สิวขึ้นมาก การกินอาหารที่อุดมด้วยไขมัน อย่างนม เนย ต่อมไขมันของร่างกายต้องทำอย่างหนัก เหตุนี้คนกินช็อกโกแลต ดื่มนม กับเนื้อสัตว์มากสิวจึงเป็นช้ำแล้วช้ำอีกไม่หายเสียที
5. สิ่งแวดล้อม การทำงานในที่ที่มีฝุ่นลองมาก อากาศร้อนอบอ้าว มีเหงื่อออกมาก ทำให้เกิดการบวมของท่อไขมัน เกิดอุดตันของสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคที่ปะปนมากับอากาศทำให้เกิดสิวได้
6. ภาวะการเป็นประจำเดือน ผู้หญิงที่เป็นสิวมีบางส่วนประมาณ 60 - 70% ที่มักจะมีสิวเห่อมากขึ้นในช่วงสัปดาห์ ก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (PROGESTERONE)ที่หลั่งออกมามากในช่วงนั้น ทำให้รูขุมขนมีการเปลี่ยนแปลงที่บวมมากขึ้น เนื่องจากมีการคั่งของน้ำในเซลล์ผิวหนังมากขึ้น ทำให้เกิดไขมันอุดตันทั้งรูขุมขน จึงทำให้มีสิวเห่อขึ้นได้
7. ความเครียด ยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัดว่า ความเครียดทำให้เกิดสิว หรือทำให้สิวเห่อมากขึ้น แต่สังเกตได้ว่า นักศึกษาใกล้สอบ คนที่ทำงานหนัก หรือ พักผ่อนน้อยไม่เพียงพอ มักจะมีสิวเห่อมากขึ้น
8. อาชีพ มีหลายอาชีพที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี หรือสารพิษ เช่น คนที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องจักรกล โรงกลั่นน้ำมัน จะทำให้เกิดสิวได้ ถึงแม้ว่า สิวจะเป็นโรคที่ไม่รุนแรงเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่สิวก็ทำให้หมดสวย หมดหล่อได้เหมือนกัน คนที่เป็นสิวมักจะกังวลกลุ้มใจหรือ ขาดความมั่นใจในการพบปะผู้คน และทำให้เสียบุคคลิก บางคนขอบแกะเกาหรือเป็นสิวเป็นประจำทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและเกิดแผลเป็นแล้ว การรักษาแผลเป็นที่เกิดจากสิวนั้นก็ยากกว่าการรักษาสิวให้หายเสียอีกและยิ่งไปกว่านั้น การรักษาแผลเป็นที่เกิดจากสิว โดยเฉพาะรอยบุ๋มนั้นไม่สามารถทำให้หายโดยสิ้นเชิงได้ อย่ามองข้ามสิวไป ถ้าเป็นแล้วรีบรักษาให้หายโดยเร็วจะดีกว่าจะได้ไม่เกิดรอยแผลเป็นให้กลุ้มใจไปอีกนานแสนนาน
สิว นั้นจัดเป็นความผิดปกติของผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดหากคุณเข้าใจเรื่องของสิวอย่างดีพอ และดูแลรักษาตนเองอย่างถูกต้องย่อมช่วยให้การรักษาสิวเป็นไปอย่างได้ผล และลดภาวะแทรกซ้อน เช่น การเกิดแผลเป็นลงได้มากทีเดียว เมื่อเราได้ทราบ กลไกการเกิดสิว สาเหตุและข้อแนะนำสำหรับผู้เป็นสิว แล้วการรักษาสิว ทำได้หลายวิธี ทั้งด้านการแพทย์ยังต้องใช้ การผ่าตัดหรือ การฉีดยาซึ่งทำให้สิวเม็ดโตๆ (สิวหัวช้าง) ยุบลงได้อย่างรวดเร็วหรือ การลบรอยแผลเป็นนั้นทำให้เนื้อบุ๋มๆ ค่อยๆ ตื้นขึ้น แต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่ในปัจจุบันได้มีการค้นคว้าที่จะนำสมุนไพรมาใช้แทนยาสารเคมีทั้งทางด้านการรักษาสิว และการบำรุงผิวพรรณด้วยวิธีการธรรมชาติกันมากขึ้นมีสมุนไพรหลายชนิดที่นำมาใช้ในการรักษาสิวด้วยวิธีการง่ายๆ และหายเร็วและการทำให้รอยบุ๋มของเนื้อที่เกิดจากแผลเป็นของการแกะสิวตื้นขึ้น ด้วยว่านหลายชนิดของไทยเรานี่เอง
วุ้นในว่านหางจระเข้ มีสารเคมีปรากฏอยู่หลายชนิด ALOE- EMODINALOESIN, ALOIN สารประเภท GLYCOPROTEM และอื่นๆ อีกมากสามารถ ใช้รักษาบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และสรรพคุณ ทางสมุนไพร รักษาแผลให้หายได้เร็ว เพราะสามารถ ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดีมาก วงการแพทย์ของญี่ปุ่น วิจัยพบว่า วุ้นว่านหางจระเข้ยังออกฤทธิ์ทำลายเชื้อโรคได้ดีมาก เป็นยาฆ่าเชื้อโรคได้ดี โดยเฉพาะเชื้อโรคที่เกิดกับผิวหนังของคนเราป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาที่บาดแผลได้อย่างเดียว เรียกสารตัวนี้ว่า 10-10-50 อันหมายถึง สารจำพวก ไกลโคโปรตีน ในอิตาลี วิจัยพบว่าวุ้นจากว่านหางจระเข้ สามารถดูดซับเอารังสีอุตร้าไวโอเลทจากแสงแดดได้ดี นอกจากนี้อิตาลียังพบว่า สารในว่านหางจระเข้ ทำลายเชื้อโรคได้ดีทีเดียว ซึ่งตรงกันกับ การวิจัยของสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น นอกจากนี้ วุ้นว่างหางจระเข้ สามารถเอามาทาผิวหนัง จะทำให้ผิวแห้งกลับกลายเป็นคนเต่งตึง สดชื่น มีน้ำมีนวลยิ่งกว่าปกติธรรมดาได้ ริ้วรอยต่างๆ จะจางหายไป เพราะสาร “แอลโลอิโมดีน, แอลโลชั่นและแอลโลอิน” ที่อยู่ในวุ้นว่านหางจระเข้นั่นเอง มีการออกฤทธิ์ส่งผลให้เยียวยารักษาอาการของฝ้า ริ้วรอยหมองคล้ำที่ผิวพรรณของใบหน้ารอยด่างดำคล้ำให้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด การรักษาสิวควรรักษาด้วยสมุนไพรที่เป็นพืชวิเศษ คือ ว่านหางจระเข้ดีกว่า เพราะสามารถรักษาให้สิวหายขาดได้ มีผู้เอาว่านหางจระเข้มาทำการบำบัดรักษาสิวมาแล้วมากมาย และได้ผลดีเสียด้วย วิธีการรักษา ได้แก่ เอาวุ้นว่านหางจระเข้ที่อุดมไปด้วย แอลโลอิโมดีน แอลโลชั่น และแอลโลอิน มาทารักษาอาการที่เกิดสิวขึ้นมา การเอาวุ้นว่านหางจระเข้ มาทารักษาความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว
ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดตามปกติธรรมดา เอาสบู่ที่มีว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมพอกใบหน้าพอสมควร หรือ สบู่ที่มีส่วนของสมุนไพรอื่นๆที่บำรุงรักษาผิวพรรณของใบหน้าได้เช็ดใบหน้า ด้วยการซับให้แห้ง ด้วยผ้าขนหนูสะอาด และนุ่มนวล
จัดการเอาวุ้นว่านหางจระเข้ โดยเลือกเอาย่านหางจระเข้ที่เป็นใบโตที่สุดซึ่งติดโคนต้นว่านหางจระเข้นั้นควรมีอายุ 1 ปีขึ้นไป จะดีมาก เพราะจะมีสารสำคัญอยู่ครบถ้วน ประสิทธิภาพมากเพียงพอแก่การเอามาใช้เป็นยาสมุนไพร ปอกเปลือก เอาผิวนอกสีเขียวออกให้หมดล้างด้วยน้ำสะอาดครั้งหนึ่งแล้วเอามาลวกในน้ำร้อนอีกครั้ง เพื่อทำลายเชื้อต่างๆ ที่อาจปนอยู่ด้วยทาบริเวณที่เกิดสิว ทาทุกวันก่อนนอนหรือเวลาเช้ายิ่งดี เวลาผ่านไปเดือนเศษจะเห็นผลว่า ผิวพรรณใบหน้าดีขึ้น อาการเป็นสิวจะไม่อักเสบเมื่อทาไปนานเหลายเดือน ผิวพรรณบนใบหน้าจะผ่องใสสดสวย ไม่มีริ้วรอยแผลเป็นจากสิวเลย
นอกจากนี้สมุนไพรธรรมชาติ ว่านหางจระเข้แล้วยังมีสมุนไพร ที่มีคุณค่าอีกหลายชนิดที่รักษาสิวได้ สารสกัดจากดอกคาโมมายด์ โรสแมรี่ เห็ดหลินจือ ซึ่งมีสารช่วยระงับการอักเสบของเนื้อเยื่อ และ ลดการระคายเคืองและให้ความชุ่มชื้นต่อผิว ภูต้นน้ำ จึงได้นำเอาสารสกัดจากสมุนไพรที่มีคุณค่า และมหัศจรรย์ของไทยเรามาพัฒนาในรูปแบบของเครื่องสำอางค์ทั้งการชำระล้างผิวหน้าและบำรุงผิวพรรณ พร้อมทั้งการรักษาบำบัดให้กับผิวที่มีปัญหา คือ ผิวหน้าที่สิว และ ผิวหน้าที่มีจุดด่างดำ ตกกระ รวมทั้งการบำรุงผิวพรรณ ให้เต่งตึง ลดริ้วรอยชลดความแก่ก่อนวัย อันควรซึ่งมีผลทำให้ใบหน้านุ่มนวลผ่องใส เป็นธรรมชาติในเวลาเดียวกันด้วย ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ทั้งในรูปของสบู่ เจลล้างหน้า เจลแต้มสิว และ ครีมบำรุงผิวหน้า ที่สกัดมาจากว่านผิวหน้า ซึ่งประกอบไปด้วยว่านนานาชนิดของไทยที่มีคุณสมบัติ ในการบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียน เต่งตึง มีรูขุมขนที่ละเอียดและปราศจากริ้วรอยอันเกิดจากแผลเป็นของสิวได้
ข้อแนะนำสำหรับผู้เป็นสิว
1.การล้างหน้า ควรล้างหน้า ด้วยสบู่อ่อน ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีอ่อนๆไม่ระคายเคืองหรือรบกวนผิวหน้า ซึ่งทำให้เกิดคอมมิโดนหรือสิวอุดตัน
2.ไม่ควรล้างหน้า หรือเช็ดหน้าบ่อยๆ แนะนำให้ล้างหน้าเพียงวันละ 2-3 คร้ง เพื่อชำระล้างเหงื่อไคลไขมัน เชื้อแบคทีเรียและขี้ไคลออกจากผิวหนัง แต่การล้างหน้าต้องล้างเบาๆ แล้วซับให้แห้งการซับหน้าควรซับเบาๆ อย่าใช้ผ้าขนหนู ถูหน้าแรงๆ เพราะยิ่งจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น ควรใช้สบู่อ่อนๆ ล้างหน้าเพราะสบู่ยามักแรงเกินไป และทำให้ผิวแห้งลอกและระคายเคืองได้ คนส่วนใหญ่เชื่อว่า การขัดถูใบหน้า ช่วยให้คอมมิโดนหลุดออกมาได้ ซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้น จึงไม่แนะนำให้ขัดถูใบหน้า ไม่ว่าจะด้วยแปรงฟองน้ำหรือ สบู่ที่ผสมเม็ดขัดถูเพราะจะทำให้ใบหน้าระคายเคืองและเป็นการกระตุ้นให้สิวกำเริบขึ้น โดยเฉพาะ ผู้ที่มีผิวหน้าบางและไวอยู่แล้ว
3.ไม่ควรใช้เครื่องสำอางค์ ที่มีผลต่อการทำงานของผิวหนังหรือต่อมไขมัน เช่น ครีมนวดหน้า ครีมแก้รอยเหี่ยวย่อนทมี่มีสีรอยด์ผสมอยู่ ถ้าจำเป็นต้องใช้ ควรเลือกครีมหรือสารที่ให้ความชุ่มชื้น ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นสารเคมี ที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (WATER BASE)
4. อย่าบีบ หรือ แกะสิว
5. การใช้ยารักษาสิว ต้องระวังยาที่โฆษณาว่ารักษาได้ทั้งสิวและฝ้าเพราะยาพวกนี้มักผสมสตีรอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้สิวอักเสบยุบเร็ว แต่มีภาวะแทรกซ้อนมากมาย โดยมีการกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันขึ้นมาใหม่มากกว่าเดิม ทำให้สิวไม่หายขาด
6. คนที่เป็นสิวมากๆ หรือ เป็นสิวบ่อยๆ ควรรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดื่มน้ำบริสุทธิ์ น้ำผลไม้คั้นสดๆ และกินผัก ผลไม้ให้มากๆ พร้อมดื่มชาสมุนไพร เช่น กินผักผลไม้สดวันละ 5 ส่วน
มื้อเช้า : กินผลไม้ กับธัญพืช พร้อมน้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง : ข้าว ผักสด ผลไม้หลังอาหาร
เย็น : ข้าว ผักสด ผลไม้หลังอาหาร
ที่สำคัญ คือ งดอาหารขยะทุกชนิด คุณก็จะชนะสิวได้แน่นอน
สิว (ACNE)
สาเหตุของการเกิด และ ลักษณะของสิวบนใบหน้า
1.ผิวหน้ามัน(T-Zone)เนื่องจากมลภาวะในอากาศ ฝุ่นในที่ทำงาน ทำให้ผิวหน้ามัน เกิดการอุดตัน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ ลักษณะของการเกิดสิวชนิดนี้ จะเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายผดเต็มหน้าผาก หรือส่วนอื่นๆ ให้ทาเจลแต้มสิวสมุนไพรเข้มข้น (Anti Blemish) บางๆให้ทั่วผิวหน้า หรือเฉพาะที่เป็นสิวหลังอาบน้ำทุกครั้ง จะช่วยให้สิวเม็ดเล็กๆ ยุบไป และไม่ทิ้งร่องรอยไว้ แต่ถ้าสิวที่เกิดขึ้นเป็นหัวแข็งแล้ว อย่าแกะอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เป็นแผลเป็น ให้ทา Anti Blemish บางๆ ให้ทั่วๆ บ่อยๆ เท่าที่ทำได้ แล้วหัวสิวแข็งๆ นั้น จะหลุดออกมาเอง โดยไม่มีแผลเป็น
2. สิวที่ขึ้นเป็นประจำก่อนประจำเดือนมา เมื่อรู้สึกว่าเจ็บๆที่ใบหน้า คล้ายสิวจะขึ้น ให้รีบทา Anti Blemish ทันที จะหายเจ็บภายใน 2-3 ชม. และให้ทา Anti Blemish ต่อมาอีกจนกว่าประจำเดือนจะหมด
3. แต่ถ้ากรณีที่สิวขึ้นมาเลยโดยไม่เจ็บ ก็ให้รีบมา Anti Blemish บ่อยๆ เท่าที่ทำได้ ด้วยมือที่สะอาด ภายใน 2-3 วัน ก็จะดีขึ้น หรือหายไป และไม่ทิ้งร่อยรอยของสิวไว้
4. กรณีวัยรุ่นที่เป็นสิว อันเนื่องมาจากเลือด น้ำเหลืองเสีย และฮอร์โมนไม่สมดุลย์
4.1 เป็นสิวเม็ดเล็กๆ เต็มหน้า คันและแสบ ทำให้อยากเกาตลอดเวลา
4.2 เป็นสิวอักเสบ (สิวหัวช้าง) เต็มใบหน้า หรือผิวหน้านูน อักเสบอยู่ใต้ผิวหน้าไม่ทะลุออกมา แต่รู้สึกเจ็บ
ภูต้นน้ำ มีผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากสมุนไพร รักษาผิวหน้าที่เป็นสิวอย่างเป็นขั้นตอน จัดเป็นชุดไว้มีดังนี้
1. การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนด้วย
ครีมทำความสะอาดผิวหน้า (White Perfect Essence Cleansing Cream)
200 g. 690 Baht
โทนเนอร์สูตรอ่อนโยน (White Perfect Essence Refreshing Toner)
125 ml 480 Baht
สบู่ล้างหน้าสำหรับแก้สิว (สีฟ้า) (Herbal Soap – For Acne Skin)
70 g. 190 Baht
เจลใสทำความสะอาดผิวหน้า – Acne (White Perfect Essence Cleansing Gel)
180 ml 580 Baht
2. ปรับสมดุลย์ผิวหน้า และลดการอักเสบของสิวด้วย
แป้งร่ำสมุนไพรพอกสิว (Mask Powder – Acne)
45 g 250 Baht
3.ล้างหน้าเอาแป้งร่ำสมุนไพรพอกสิวออกด้วย
สบู่ล้างหน้าสำหรับแก้สิว (สีฟ้า) (Herbal Soap – For AcneSkin)
70 g. 190 Baht
4. ลดการอักเสบของสิวด้วย เจลแต้มสิวสมุนไพรเข้มข้น (Anti-Blemish)
10 ml 350 Baht
5. บำรุงผิวหน้า ช่วยลดอาการอักเสบและรักษารอยแผลเป็นและหลุมสิว ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน ผ่องใส (BabyFace)
ครีมบำรุงผิวหน้าว่านผิวงาม สำหรับกลางวัน (PhewNgam Moisturizing Day Cream)
15 g 720 Baht
ครีมบำรุงผิวหน้าว่านผิวงาม สำหรับกลางคืน (PhewNgam Moisturizing Night Cream)
15 g 780 Baht
6. รักษาสมดุลย์ของผิวหน้าในแต่ละวัน
แป้งร่ำสมุนไพรหอม (White Herb Powder)
30 g 180 Baht
วิธีการใช้ชุดสมุนไพรรักษาสิว
เพื่อช่วยให้สิวหายเร็ว และเมื่อสิวหายแล้ว ไม่เป็นแผลเป็น หลุมสิว รอยดำ หรือรอยแดงช้ำ เมื่อบำรุงผิวหน้าด้วย ครีมบำรุงว่านผิวงาม-กลางวัน/กลางคืน นอกจากจะลบรอยแผลเป็นแล้ว ยังช่วยให้ผิวหน้า เรียบเนียน สดใส ได้อีกด้วย โดยจัดการใช้ออกเป็น 6 ขั้นตอน ดังนี้
1. ในเบื้องต้น ทุกวันก่อนอาบน้ำในตอนเย็น หลังเลิกเรียน/เลิกงาน ให้ล้างหน้าด้วย ครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleansing Cream) โดยลูบไล้เนื้อครีมให้ทั่วใบหน้าที่แห้ง อย่างอ่อนโยน แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ซับหน้าให้แห้งอย่างเบามือ
2. นำแป้งร่ำสมุนไพรว่านผิวงามพอกสิว ใส่น้ำ หรือโทนเนอร์สูตรอ่อนโยน คนให้เข้ากันเป็นเนื้อครีมข้นๆ แล้วทาให้ทั่วใบหน้าที่เป็นสิว หรือพอกบนหัวสิว ทิ้งไว้ 30 นาที (อย่างน้อย) หรือมากกว่านั้น จึงล้างออกด้วยน้ำเปล่า (การใช้โทนเนอร์ผสม จะช่วยไม่ให้ผิวหน้าตึงจนเกินไป)
3. ล้างหน้าอีกครั้งด้วยสบู่ล้างหน้าแก้สิว (สีฟ้า) อย่างอ่อนโยน และเบามือ จะช่วยให้ผิวหน้าสะอาด และลดการอักเสบของสิว
4. ทาเจลแต้มสิวสมุนไพรเข้มข้น (Anti Blemish) บางๆ ให้ทั่วหน้า หรือทาเฉพาะที่เป็นสิว ทาได้บ่อยตามที่ต้องการ เพื่อช่วยลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดสิวอุดตัน สิวเสี้ยน ช่วยกระชับรูขุมขนให้ละเอียด และช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน
5. ทาครีมบำรุงผิวหน้าว่านผิวงาม สำหรับกลางวัน (ในตอนเช้า) สำหรับกลางคืน (ในตอนเย็น) เพื่อช่วยลดการอักเสบ ลบรอยแผลเป็น หลุมสิวตื้นขึ้น ช่วยขจัดสิวอุดตันที่หัวแข็งแล้ว ให้หลุดออกมาเองโดยไม่ต้องแกะ พร้อมช่วยบำรุงผิวหน้า ให้เรียบเนียน สดใส และดูอ่อนเยาว์
6. ขั้นตอนสุดท้าย ทาด้วยแป้งร่ำสมุนไพรหอม เพื่อช่วยรักษาสมดุลของผิวหน้าในแต่ละวัน ให้สดใส ช่วยไม่ให้เกิดสิวอุดตัน และลดความมันบนใบหน้า เพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่อีก
การดูแลผิวหน้าให้ปราศจากสิว ช่วยทำให้สุขภาพจินดี อารมณ์ดี มีความมั่นใจในตัวเองสูง ถึงแม้สิวดูเหมือนจะรักษายาก แต่ถ้าเข้าใจขบวนการเกิดของสิวอย่างถ่องแท้ การรักษาก็ไม่ยากอย่างที่คิด สมุนไพรไทยหลายชนิดมีฤทธิ์ ช่วยลดการอักเสบ ลบรอยแผลเป็นและหลุมสิวตื้นขึ้น แล้วยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แลดูอ่อนเยาว์ได้ด้วย จึงคุ้มค่ากับการทดลองใช้เป็นอย่างยิ่ง
ปัญหาที่พบ หลังจากสิวหาย
1. รอยแผลเป็นอันเนื่องมาจากการแกะสิว - รอยดำ - หลุมสิว
2. ผิวหน้าช้ำ อันเนื่องมาจากการบีบสิว ทำให้สิวอักเสบ ผิวหน้าอักเสบแดง - ผิวหน้าช้ำแดง - ผิวหน้านูน อักเสบอยู่ภายใน
3. ผิวหน้าขรุขระ (ผิวส้มโอ) - เป็นหลุมสิวเล็ก ๆ ใหม่ เกิดขึ้นทั่วใบหน้า เพราะเกิดจากการแกะหัวสิวที่แข็ง ๆ ออก ทำให้ผิวหน้าช้ำ และกลายเป็นแผลเป็น
4. สิวเสี้ยนที่เกิดอยู่ด้านข้างของจมูก หรือมีอยู่เต็มผิวหน้า
5. สิวอุดตัน ไม่อักเสบ ไม่เจ็บ ไม่ออกมาบนผิวหน้าแต่ก็ไม่ยอมหายไป
ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างรีบด่วน เพื่อให้ผิวหน้าเรียบเนียน ขาวใสอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เวลา จะกระชากอายุให้หมดไป วันแล้ววันเล่า หลังจากสิวหาย ควรปฏิบัติเป็นขั้นตอน เพื่อช่วยลดรอยแผลเป็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้จางหายไป
1. ควรปรับสมดุลผิวหน้าใหม่ ด้วย
1.1 ครีมปรับสมดุล ขัด – มาร์คหน้าไวท์ไลท์ สำหรับผิวหน้าธรรมดา (White Light Scrub & Mask) หรือ
1.2 ครีมปรับสมดุล นวด – มาร์คหน้าไวท์ไลท์ สูตร 1 สำหรับผิวหน้าบอบบาง – แพ้ง่าย (White Light Massage & Mask Formula 1 ) ควรปรับสมดุลย์ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยให้ผิวหน้าหายมัน ปัญหา T-Zone จะหมดไป และสามารถช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไปได้ ให้ทำอย่างเบาๆ ลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า และเน้นเฉพาะทีมีรอยแผลเป็น แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะรู้สึกว่าผิวหน้าสะอาด อ่อนนุ่ม และขาวใส อย่างเป็นธรรมชาติ
2. บำรุงผิวหน้าด้วย
ครีมบำรุงผิว ว่านผิวงาม (Phewngam Moisturizing) สำหรับกลางวัน
ครีมบำรุงผิว ว่านผิวงาม (Phewngam Moisturizing) สำหรับกลางคืน ค
รีมบำรุงผิว ที่อุดมไปด้วย สารสกัดจากสมุนไพรหลายชนิด ที่ช่วยลดการอักเสบ และลดรอยแผลเป็น หลุมสิวให้ตื้นขึ้น ช่วยลดรอยดำ ความหมองคล้ำของผิวให้จางลง เนื้อครีมสามารถป้องกันแสงแดด และฝุ่นละอองจากมลภาวะลดการอุดตันของรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวใหม่ได้
3. การดูแลทำความสะอาดผิวหน้าให้ถูกวิธี
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะรักษาผิวหน้า ให้เรียบเนียน ขาวใส ไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้นอีก ทุกครั้งที่อาบน้ำ ควรล้างหน้าด้วย
3.1 ครีมทำความสะอาดผิวหน้า (สำหรับผิวหน้าที่แห้ง) (White Perfect Essence Cleansing Cream) ให้ลูบไล้เนื้อครีมให้ทั่วใบหน้าที่แห้งอย่างอ่อนโยน แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า เพื่อช่วยชำระล้างคราบเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
3.2 สำหรับผิวหน้ามัน ควรใช้
- เจลใสทำความสะอาดผิวหน้า - Acne (White Perfect Essence Cleansing Gel-Acne)
เมื่อผิวหน้าหายมันแล้ว ให้เปลี่ยนไปใช้ครีมทำความสะอาดผิวหน้าแทน เพราะจะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น เรียบเนียน (Baby Face) ได้ดีกว่าสบู่ และเจลใสทำความสะอาดผิวหน้า
3.3 ก่อนทาครีมบำรุงผิวว่านผิวงาม ทั้งกลางวัน และกลางคืน ให้ทา โทนเนอร์ สูตรอ่อนโยน (White Perfect Refreshing Toner) เพื่อช่วยกระชับผิวหน้าและรูขุมขนให้ละเอียดเรียบเนียน และรักษาผิวหน้าไม่ให้มีสารตกค้างเพื่อป้องกันการเกิดสิวอีก
. เจลสมุนไพรรักษาสิว ชนิดเข้มข้น (Anti Blemish Spot Treatment Gel)
คุณสมบัติของงว่านหางจระเข้ Aloevera ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเจลสมุนไพรรักษาสิว (AntiBlemish)
1. วุ้นว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ลดการอักเสบ และแก้ปวดอักเสบ โดยเฉพาะที่เป็นสิวเม็ดโต ช่วยทำให้การอักเสบลดลง และถ้าเกิดเป็นแผล ก็จะช่วยให้เป็นแผลเป็นน้อยลง ทั้งยังช่วยให้แผลเป็นตื้นขึ้นด้วย
2. มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดฝ้า วุ้นว่านหางจระเข้ไม่มีคุณสมบัติในการลอกฝ้า แต่ช่วยให้ลดการเกิดฝ้า โดยก่อนออกไปตากแดด ควรทาวุ้นว่านหางจระเข้ก่อน ป้องกันไม่ให้ผิวหนังอักเสบ โดยลดปฏิกิริยาของผิวต่อแสง UV เมื่อผิวหนังไม่อักเสบ จึงเกิดฝ้าลดลง และฝ้าที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว ก็จะจางหายไป
3. สารไกลโคโปรตีนในวุ้นว่านหางจระเข้ ช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสติน และไฟโบรบลาสติน ทำให้ลดรอยเหี่ยวย่น และเพิ่มความชุ่มชื่นของผิว จึงทำให้ผิวขาวใส แลดูอ่อนเยาว์ ภูต้นน้ำขอแนะนำว่า ผู้ที่มีรอยแผลเป็น หรือยังมีการอักเสบอยู่บ้าง (ใกล้หาย) เมื่อทาครีมบำรุงผิวว่านผิวงามแล้ว ควรทาเจลสมุนไพรรักษาสิวชนิดเข้มข้น (Anti Blemish) บางๆ ให้ทั่วใบหน้าทุกวัน และเน้นเฉพาะที่เป็นแผลเป็นหรือรอยการอักเสบให้มากหน่อย เพื่อป้องกันการเกิดสิว และช่วยลดรอยแผลเป็น และจุดด่างดำบนใบหน้าให้จางหายไปเร็วขึ้น
แป้งร่ำสมุนไพรหอม (White Herb Powder)
คุณสมบัติของแป้งร่ำสมุนไพรหอม อุดมไปด้วยสมุนไพรไทย ขมิ้นชัน ว่านผิวงาม ทานาคา และสมุนไพรอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่ช่วยปกป้องผิวหน้า จากมลภาวะและแสงแดด ช่วยลดการผลิตไขมันที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตันของรูขุมขน (T-Zone) ซึ่งช่วยปรับสมดุลของผิวหน้า ในช่วงวันทำงานในแต่ละวัน ให้แลดูเรียบเนียน สดใส
ต้องการซื้อสินค้า คลิ๊ก
Cleansing Cream 200 g 690 Baht
Cleansing Gel Acne 180 ml 580 Baht
AntiBlemish Gel 10 ml 350 Baht
แป้งร่ำสมุนไพรหอม 30 g 180 Baht
ครีมว่านผิวงาม กลางวัน 15 g 720 Baht
ครีมว่านผิวงาม กลางคืน 15 g 780 Baht
Massage&Mask F.1 75 g 850 Baht
Massage&Mask F.2 75 g 850 Baht
สอบถามได้ที่
081-9102414 095-3858268 099-6566961
Line @siamorigin
สรรพคุณสมุนไพร
ขมิ้นชัน น้ำมันหอมระเหย มีสารสำคัญออกอฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่ช่วยรักษาโรคผิวหนัง โรคทางเดินหายใจ บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ และช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบแก้อาการ ปวดตามข้อ ปวดเข่า ช่วยระงับกลิ่นกายให้ผิวสะอาด ผ่องใส เรียบเนียน
ทานาคา ช่วยบำรุงผิวให้ขาวเนียน ทำให้ผิวหน้าอ่อนนุ่ม ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย และในทานาคาจะมีสารป้องกันแสงแดดและรังสี UV จากธรรมชาติ จึงทำให้ ผิวอ่อนนุ่ม สดใส
ว่านหางจระเข้ มีสารสำคัญ แอลโลอิโมดิน แอลูโลซีน แอลโลอิน ซึ่งมีคุณสมบัติออกฤทธิ์ ทำลายเชื้อโรคได้ดี โดยเฉพาะเชื้อโรคที่เกิดกับผิวหนังของคนเรา และสรรพคุณทางสมุนไพร รักษาแผลให้หายได้เร็วและสามารถต่อต้านเชื้อ แบคทีเรียได้ดีมาก บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนและอาการอักเสบได้อย่าง วิเศษ
พิมเสน สกัดจากใบเป็นพืชล้มลุกสูง 1 เมตร ตามต้นมีขนและมีกลิ่นดอกสีขาวและสีชมพู มีคุณสมบัติแก้สิว เปิดรูขุมขนและแก้ริ้วรอย
เห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซกคาไรด์ ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบภูมิต้านทาน ทำให้ภูมิต้านทาน เพิ่มขึ้น และมีสรรพคุณต่อต้านไวรัส และยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้ ใบหน้าปราศจากสิว
น้ำผึ้ง กระตุ้นฟื้นฟูผิว และขจัดของเสียออกจากผิวต่อต้านการเติบโตของเชื้อราที่ผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส เต่งตึง และยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย กรีเซอลีน ให้ความชุ่มชื้นกับผิว โดยทำหน้าที่ดูดความชื้นจากอากาศมาสู่ผิวหนัง ทำให้ ผิวหนังชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน นุ่มนวล สดใส
โรสแมรี่ เป็นพืชล้มลุก สูงถึง 2 เมตร ดอกสีฟ้า บางทีสีชมพู หรือขาว ใบจะ แหลมเล็กสีเขียวเข้มพบในเขตของเมดิเตอร์เรเนียน แคลิฟอร์เนีย รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน จีน มีสรรพคุณฆ่าเชื้อโรค และใช้ทำยาแก้สิว ได้เป็นอย่างดี กลิ่นของโรสแมรี่ยังเป็น AROMATHERAPYใช้บำบัดระบบประสาทให้คลายเคลียดได้
โสมขาว อุดมไปด้วย วิตามินบี 3 ที่ช่วยบำรุงให้ความชุ่มชื้น กระตุ้นการหมุนเวียน ของระบบโลหิต และสามารถกระชับเซลล์ผิวให้เต่งตึง ชลอการแก่ก่อนวัย ในรากโสมจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่เล็กน้อย แต่จะช่วยกระตุ้นให้ ผิวหนังสดชื่น เปล่งปลั่ง ไม่เหี่ยวแห้ง หรือแตกเป็นขุย
วิตามิน E ช่วยปลอบประโลมผิวและยับยั้งผิวไหม้เกียมได้หลังจากอาบแดด และช่วยลดความหยาบกร้าน นุ่มนวล สดใส ถ้าหากใช้ก่อนตากแดด จะทำหน้าที่ เปรียบเสมือนกันแดดได้ดีอีกด้วย
วิตามิน B5 มีคุณสมบัติในการสร้างเสริมคอลลาเจน เพิ่มอัตราการผลัดตัวของเซลล์ ผิวเก่า (ริ้วรอยตื้นขึ้น) ถ้าใช้รวมกับวิตามิน E จะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นเพิ่ม ความเปล่งปลั่งสดใสให้กับผิว
Sebomine สารที่สกัดมาจากนม ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง และยับยั้ง เชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว และช่วยลดความมันบนใบหน้า